ดอกบัวกับตำนาน

 


              “บัวสาย”เป็นดอกไม้ประจำชาติอียิปต์ จากภาพเขียนสีและซากโบราณที่ปรักหักพังตามที่ต่างๆ ในประเทศอียิปต์ ทำให้เราทราบว่าเมื่อ 4,000 ปีมาแล้ว ในลุ่มน้ำไนล์มีบัวชนิดต่างๆ ขึ้นอยู่ตามริมน้ำมากมาย ไม่น้อยไปกว่าต้นปาปิรุสเลย ภาพเขียนสีตามผนังหลุมฝังศพที่มีภาพสวนไม้ผล ไม้เถา ไม้ดอก และไม้่น้ำ ในสระน้ำจะต้องมีกกอียิปต์หรือปาปิรุส และปลูกบัวสายสีน้ำเงินเป็นหย่อมๆ ส่วนลายบัวหัวเสาของอาคารโบราณที่ปรักหักพัง ก็เป็นลายจำลองจากดอกบัวสาย ดอกปาปิรุสและใบปาล์ม แต่สองชนิดแรกดูเหมือนจะมากกว่าใบปาล์มศิลปหลายแขนงของอียิปต์โบราณได้รับ แรงบันดาลใจ และถอดแบบลวดลายมาจากกอบัว สายบัว ใบบัว ดอกและกลีบบัว ทั้งนี้ เพราะชาวอียิปต์และเห็นกอบัวและ   ดอกบัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน “บัว” จีงเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์
               นักปราชญ์ชาวกรีกชื่อ เฮโรโตตุส ผู้เป็นบิดาแห่งประวัติศาสตร์ กล่าวว่า ดอกบัวสายของอียิปต์ชูดอกและใบสลอนในฤดูน้ำยามน้ำเปี่ยมฝั่ง ดอกบัวจะแย้มกลีบในยามฟ้าสาง และหุบกลีบในยามค่ำ การแย้มบานและหุบกลีบของบัวเกิดขึ้นพร้อมกับเวลาขึ้นลงของดวงอาทิตย์ ด้วยเหตุนี้ดอกบัวจึงเป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์ผู้ครองท้องฟ้า ทั้งนี้ เพราะดอกบัวขยายกลีบเบ่งบานเมื่อพระอาทิตย์เริ่มไขแสง ดอกบัวจึงกลายเป็นผู้ไขแสง คือ พระอาทิตย์ ครั้นตกเย็น แสงสว่างเคลื่อนคล้อยกลับลงสู่ดอกบัว บัวก็หุบ และรัตติการเข้ามาแทนที่ชาวอียิปต์โบราณได้สร้างรูปเทพเอมอนขึ้นแทนพระอาทิตย์มีลักษณะเป็นเด็กนั่งอยู่ในดอกบัว แต่มีฤทธิ์มาก ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น รา บางแห่งเรียกว่า โฮรัส